Attraction Marketing มนต์เสน่ห์ของการทำธุรกิจเครือข่าย MLM
Attraction Marketing มนต์เสน่ห์ของการทำธุรกิจเครือข่ายเป็นแบบไหน วันนี้เราจะมาดูกัน
ถ้าคุณหมดหนทางในการทำ MLM ไม่ว่าจะทำมากี่บริษัทแล้ว หรือถ้าคุณไม่รู้ว่าจะทำยังไงให้ธุรกิจ MLMของคุณประสบความสำเร็จ โดยเหนื่อยน้อยลงแต่ประสิทธิภาพมากขึ้นเกิน 1,000% นี่คือบทความที่ผมดีใจที่จะได้ถ่ายทอดวิธีการเอาความเจ็บช้ำออกไปจากใจผมและเชื่อจริงๆว่าจะเป็นประโยชน์กับคุณด้วยครับ
วันนี้เราจะมาดูเคล็ดลับของผมที่เป็นปัจจัยสำคัญในการทำธุรกิจ MLM ให้มีแรงดึงดูดแบบมีเสน่ห์หรือมนต์ขลัง เหมือนกับเราที่ยังไงก็เป็นที่รักของผู้มุ่งหวัง (Prospect) กัน
ถ้าคุณมีประสบการณ์ในการสร้างธุรกิจเครือข่าย MLM มาแล้วคุณจะรู้ว่าปัญหาใหญ่ที่สุดของคนที่ทำ ธุรกิจเครือข่าย MLM ขายตรง ประกันชีวิต หรืออะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับการขาย ก็คือ “ขายไม่เก่ง พูดไม่เป็น ชวนคนไม่ได้ “
และนี่ไม่ใช่เรื่องเล็กเลยที่นักธุรกิจ MLM ที่หวังจะเข้ามาสร้างชีวิตใหม่ ลงทุน ลงแรง เที่ยวกระตือรือล้น (ในช่วงแรกๆ) โทรตามคนโน้นคนนี้เข้ามาฟังโอกาสทางธุรกิจ หรือ ใช้กลยุทธ์ วิธีการต่างๆให้คนเข้ามาฟังโอกาสทางธุรกิจหรือซื้อของๆเราไปใช้ เพื่อที่เราจะได้ค่า Commission จากการสมัครคนหรือขายของได้
แม้แต่กระทั่งการหลอกให้เข้ามาดูโอกาสทางธุรกิจโดยใช้สัมมนาธุรกิจออนไลน์ สอนการทำการตลาดออนไลน์แล้วหลอกเสริมข้อมูลของธุรกิจเครือข่าย MLM หรือยัดเยียดไปเลยโดยไม่ฟังความรู้สึกของคนโดนชวนเลยว่า เขาอยากที่จะเข้าไปฟังหรืออยากที่ซื้อของที่เรานำเสนอว่ามันดีที่สุดในโลกเองหรือเปล่า ตรงนี้คือประเด็นที่สำคัญมาก!
นี่ไงครับว่า ทำไม “คนทั้งโลก” ถึงเกลียดนักธุรกิจเครือข่าย
วิธีการที่นักธุรกิจเครือข่ายใช้กันโดยทั่วไปคือ
"วิธีสร้างรายได้ 3-5 พันบาทต่อวันจากการทำธุรกิจ E-Commerce จากที่บ้าน 100%
โดยไม่ต้องขายสินค้าเลยแม้แต่ชิ้นเดียว"

- ลิสรายชื่อคนรู้จัก ญาติ พี่น้อง เพื่อนฝูง แล้วชวนให้ซื้อของหรือพยายาม Sponsor
- ใช้กฎ 3 ฟุต “ทุกคนคือผู้มุ่งหวัง ใครก็ได้ที่แขนฉันเอื้อมถึงหรือตาฉันมองเห็น”
- ลงโฆษณาในสื่อต่างๆ แล้วโทรปิดการขาย
- แจกใบปลิวแล้วคอยวิ่งหนีเทศกิจ
- แปะแผ่นโฆษณาตามตู้โทรศัพท์ Atm ให้คนทำความสะอาดสวดให้พรตามถึงบรรพบุรุษ
ทุกอย่างนี้ผมเคยทำมาหมดแล้ว! ถามว่า WORK ไหม? WORK ครับ แต่ประสิทธิภาพต่ำเหลือเกินเทียบกับแรงและเงินที่คุณเสียไปกับผลลัพธ์ที่ได้ เพราะเวลาคือสิ่งมีค่าที่สำคัญที่สุด
ที่น่ากลัวในอุตสาหกรรมการทำ MLM นี้ ก็คือคำว่า
“การขาย หรือ ปิดการขาย” (ทุกอย่างคือผลประโยชน์ คนที่เราจะ Sponsor คือเหยื่ออันโอชะ)
“สินค้ามันขายตัวมันเอง” (ช่วยโทรมาบอกผมที สินค้าบริษัทไหนที่มันมีขาเดินออกไปขายตัวมันเองได้ แล้วคุณนั่งเฉยๆก็รวยเดือนละล้าน)
หรือ…
“ธุรกิจของเราทำง่ายมากๆแค่ซื้อกินซื้อใช้แล้วบอกต่อที่แม้แต่เด็ก 10 ขวบก็ทำได้ มันหมายถึงใครไม่อยากทำแค่นี้แล้วมีรายได้ 1 ล้านบาทต่อเดือน”
แทนที่นักธุรกิจเครือข่ายจะเอาเวลามานั่งคิดว่า จะทำยังไงให้ลดจำนวนคนที่ปฏิเสธฉันน้อยลงกลับทำแต่วิธีเดิมๆที่เขาทั้งหลายก็เชื่อมั่นว่ามันมีแต่วิธีนี้เท่านั้น เพราะใครๆก็ทำกันแบบนี้ เพิ่มจำนวนการพูดกับคนให้มากๆเข้าไว้ เดี๋ยวก็ได้เอง
“วิธีไหนมีประสิทธิภาพมากกว่ากัน ?”
กับนักธุรกิจเครือข่ายทั่วไปนั้นประโยคด้านบนดูเหมือนเป็นสิ่งที่สุดยอดที่สุดในโลกเป็นประเพณีและวัฒนธรรมที่สืบทอดกันมาของเราชาวธุรกิจเครือข่าย MLM
แต่สำหรับใครบางคนที่เรียนรู้เทคนิคและกระบวนการของการสร้างธุุรกิจให้มีเสน่ห์ดึงดูดคนเข้ามาหาเขาเองนั้น มันสร้างผลลัพธ์ที่ตรงกันข้ามไปเลย
การโดนปฏิเสธน่ะหรือ “มันแปลว่าอะไรเหรอ” แทบจะลืมไปเลย
คำว่า “ตกลงผมทำธุรกิจกับคุณ”, “ผมขอทำธุรกิจกับคุณ”, “ผมอยากทำธุรกิจกับคุณ” กลายเป็นคำที่มีในชีวิตประจำวันที่คุ้นเคยเสมอ ๆ
คุณทราบหรือไม่ว่าอะไรคือสิ่งที่แตกต่างกันระหว่าง นักขาย กับ ที่ปรึกษา
“ความเคารพนับถือ”
ที่ปรึกษาได้มันแต่นักขายไม่มีวันได้คำนี้จากผู้มุ่งหวัง
ที่ปรึกษาให้สิ่งที่มีคุณค่าและแก้ปัญหาให้กับคนที่ต้องการ จึงถูกมองว่ามีคุุณค่า เป็นคนที่มีค่าต่อคนอื่น
ขณะที่นักขายถูกมองว่า น่ารำคาญ(อย่างมาก)
ทำไมล่ะ ?
ก็เพราะว่าที่ปรึกษานั้น ก็คือนักขายคนนึงเหมือนกันที่เขาได้เรียนรู้ว่าจะทำการตลาดอย่างไรให้ WORK! (แต่ไม่ใช่ว่านามบัตรหรือบน Facebook Fan Page ของคุณบอกว่าคุณเป็นที่ปรึกษาแล้วคุณจะเป็นจริงๆ ผมก็เคยตกหลุมพรางนี้)
ผมคิดว่าคุณน่าจะเคยได้ยินคำนี้ “ไม่มีใครอยากโดนขาย แต่ทุกคนชอบที่จะซื้อ” และผมแน่ใจว่านักขายส่วนมาก ไม่เคยได้รับการอธิบายอย่างชัดเจนว่ามันแปลว่าอะไร เอาล่ะผมจะแปลคำนี้ให้ชัดๆ เพื่อขอบคุณท่านที่รักที่ติดตามอ่านสิ่งที่ผมถ่ายทอดเสมอๆ
“เมื่อคุณพยายามขายบางสิ่งให้กับใครบางคนนั้น มันคือการตัดสินใจของคุณที่สร้างความกดดันให้กับคนอื่น เมื่อใครบางคนต้องการที่จะซื้ออะไรบางอย่างเองนั้น มันคือการตัดสินใจของเขาเอง”
เมื่อมันเป็นการตัดสินใจของนักขายที่จะขาย มันจะมีกำแพงตั้งตระหง่านอยู่ในใจคนที่ถูกขาย ตั้งแต่เริ่มต้นกระบวนการขายจนจบ มันคือเรื่องน่าเบื่อหน่ายและน่าปวดหัวของผู้ที่เกี่ยวข้องทุกๆ คน แต่เมื่อมันเป็นการตัดสินใจของผู้ซื้อเอง มันไม่มีการเจ็บปวด รู้สึกโดนกดดัน หรือไม่อยากซื้อเลยอะไรทำนองนั้น แล้วก็บ่นว่า เมื่อไหร่มันจะพ่นจบ(วะ) (คุณคิดในใจ ผมก็ได้ยินคุณคิดเหมือนกัน) แต่ มันคือ win-win ทั้งสองฝ่าย
ถึงวันนี้แล้วผมเชื่อว่าทุกท่านน่าจะเข้าใจแล้วว่า เคล็ดลับของ Attraction Marketing คือ การทำให้คนอยากซื้อเอง อยากทำเองทุกๆอย่าง อยากตัดสินใจเอง แต่จะทำยังไงล่ะให้คนอยากซื้อสินค้าอะไรก็ได้จากเราเอง หรือ อยากทำธุรกิจกับเราเองล่ะ มันทำยังไง?
ขอให้คุณท่านมีความสุขความเจริญมากๆตลอดไป
ทุกๆ Comment มีค่ากับผมมากจริงๆ ทำให้ผมได้ทราบว่าคุณรู้สึกอย่างไรและมีปัญหาอะไรที่ผมจะช่วยคุณได้ครับ
ณัฐธนนท์ ธนินรุ่งวรวัฒน์